ศาลเจ้าเอโนะชิมะได้รับการก่อสร้างตัวศาลในถ้ำหินด้วยพระบรมราชโองการจากสมเด็จพระจักรพรรดิคินเมย์ในปีค.ศ. 552 ปัจจุบันมีการเรียกรวม 3 ศาลซึ่งได้แก่ ศาลเฮทสึมิยะ, ศาลนากาทสึมิยะ, ศาลโอคุทสึมิยะว่า ศาลเจ้าเอโนะชิมะ จนกลายเป็นศาลเจ้าเอโนะชิมะด้วยการเผยแผ่ของพุทธศาสนาและลัทธิชินโตในสมัยเมจิ
เมื่อข้ามสะพานเอโนะชิมะเบ็นเท็มบาชิก็จะพบกับประตูโทริอิทองสัมฤทธิ์ในทันที เดิมทีประตูนี้สร้างด้วยไม้ แต่ในปี 1821 ถูกสร้างใหม่ด้วยทองสัมฤทธิ์ โดยชื่อของผู้ที่มาทำบุญจะถูกสลักเอาไว้บนนั้น ประตูนี้ได้รับเลือกให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมประจำเมืองฟุจิซาวะ
ตั้งแต่ประตูโทริอินี้ไปจนถึงประตูโทริอิสีแดงที่หน้าประตูซุยอิงมงจะเรียงรายไปด้วยร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก, เรียวกังจนถึงหน้าประตูศาลเจ้าเอโนะชิมะ ผู้คนเรียกที่นี่ว่าถนนเบ็งไซเท็งนากามิเสะ
ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบวังมังกรและถูกเรียกขานว่า “ประตูซุยอิงมง”
ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมเยือนสักการะศาลเจ้าด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์
หอโฮอันเด็งที่ประดิษฐานอยู่ข้างพระบรมมหาราชวังมีต้นแบบมาจากหอยูเมะโดโนะของวัดโฮริวจิใน จ.นาระ จากนั้นจึงมีการเพิ่มเทพีเบ็งไซเท็งปางแปดหัตถ์ที่มีการเล่าขานกันว่าโชกุนมินาโมโตะ โยริโทโมะให้การสักการะในช่วงปีจูเช (ปี 1182) และเทพีเบ็งไซเท็งปางดีดพิณซึ่งได้รับการนับถือในยุคเอโดะ
*การบูรณะซ่อมแซมได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม
รูปปั้นปางร่างเปลือยหรือที่นิยมเรียกกันว่า "เบ็งไซเท็งปางร่างเปลือย"
เป็นรูปปั้นที่แสดงสัญลักษณ์ของเพศหญิง คาดกันว่าถูกสร้างขึ้นในช่วงกลางของยุคคามาคุระ
โดยรูปปั้นเปลือยเป็นเทคนิคประติมากรรมที่โดดเด่นของ
คามาคุระนั่นเอง
ทั้งนี้ยังรู้จักกันดีในฐานะเทพแห่งอักษรศาสตร์ นาฏกรรม และดนตรี
(รูปปั้นเทพีเบ็งไซเท็งหลากสีทำจากไม้)
บริเวณพระเศียรมีเทพอุงาจินสถิต พระหัตถ์ทั้งแปดถือธนู, ลูกศร, ดาบ, แก้วหยดน้ำ, จักร, หอก, ตรีศูล, กุญแจ ซึ่งเทพีเบ็งไซเท็ง
ปางแปดหัตถ์ถือเป็นประเภทเก่าแก่ที่สุด
เป็นหนึ่งใน “เทพแห่งโชคลาภทั้งเจ็ด” และรู้จักกันดีในฐานะ
เทพีแห่งสงคราม